KUN Q1 ยอดขาย 350 ล้านบาทเตรียมลุยทิศที่ 3 ภายในปี 2564 นี้

KUN Q1 ยอดขาย 350 ล้านบาทเตรียมลุยทิศที่ 3 ภายในปี 2564 นี้

กรุงเทพฯ - บมจ. วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN กวาดยอดขายไตรมาส 1/64 แล้ว 350 ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีแตะ 1,500 ล้านบาท หลังความต้องการสินค้า “Affordable” จากกลุ่มเรียลดีมานด์พุ่ง ขณะที่มาตรการรัฐ ทั้งการกระตุ้นดีมานด์-การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-การปรับขยายเวลาลดค่าโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการปรับเกณฑ์ LTV ใหม่ หนุนการตัดสินใจซื้อต่อเนื่อง เตรียมจ่อพัฒนาโครงการอสังหาฯทิศที่3 (ทิศใต้ เขตปริมณฑล) พร้อมลุยเปิดขายปี 2565 นี้

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า ยอดขาย (Presale) ในช่วงไตรมาส 1/2564 เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกเติบโต มาจากความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทโครงการแนวราบในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable) ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Real Demand (ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง) ระดับราคา 2-5 ล้านบาท

ซึ่ง KUN เป็นบริษัทพัฒนาหมู่บ้านจัดสรรในเขตปริมณฑลที่ชำนาญในสินค้าประเภทนี้เป็นหลักและเน้นการขายให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้มาโดยตลอด ดังนั้น จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดี ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงไตรมาส แรก บริษัทฯมียอดขาย (Presale) แล้วกว่า 348.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 254.58 ล้านบาท

พร้อมทั้ง ยังได้กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ มาตรการเรารักกัน , มาตรการคนละครึ่ง, มาตรการเราชนะ เป็นต้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นการส่งผลทางจิตวิทยาต่อกลุ่มลูกค้าและผู้บริโภคทั่วไปอย่างมาก เพราะช่วยกระตุ้นบรรยากาศของภาคการจับจ่ายได้ดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม ส่วนมาตรการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (infrastructure) ของประเทศ ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบ และส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ได้บ้าง และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการปรับขยายระยะเวลาลดค่าโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ สำหรับบ้านและห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต โดยกลุ่มนี้ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่การปรับเกณฑ์อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน (LTV) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว เพียงแต่การปรับเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้เงินในช่วงนี้ให้มากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการจูงใจให้คนที่อยากมีบ้าน ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

“ในช่วงไตรมาส 1/2564 แม้จะมีมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐสนับสนุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและน่ากังวลคือยอดการปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก บริษัทฯมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับยอดปฏิเสธสินเชื่อดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการทำ Pre-approve (ตรวจสอบความสามารถของลูกค้า) ก่อนทำสัญญาจอง และเนื่องจากบ้านที่ขายในปัจจุบันนั้นเป็นบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จึงมีเวลาให้กับทางลูกค้าได้ผ่อนชำระเงินดาวน์และเตรียมการวางแผนเรื่องการยื่นกู้รวมถึงคอยเป็นที่ปรึกษาดูแลข้อมูลทางด้านการเงินให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนถึงระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์”   

ข่าวเกี่ยวข้อง